9 สิ่งควรเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายภาพขายออนไลน์

 

talk photostock 005

 

ในการขายภาพออนไลน์นั้น แต่ละคนย่อมมีแบบแผน แนวทาง หรือวิธีการที่แตกต่างกัน สำหรับผู้เริ่มต้นแล้วคงจะเคว้งคว้างอยู่พอสมควร เนื่องจากมีรายละเอียดมากมาย และมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้ควบคู่กับการขายภาพที่บางทีผู้เริ่มต้นอาจคาดไม่ถึงก็ได้ ผมจึงเขียนสรุปคร่าว ๆ ถึงสิ่งที่ควรเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายภาพขายออนไลน์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้เริ่มต้นได้เห็นรายละเอียดกันมากขึ้นครับ

 

1. อุปกรณ์ในการถ่ายภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือกล้องดิจิตอลก็ตาม อุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิดนี้มีประโยชน์แตกต่างกันไป เวลาเราใช้สมาร์ทโฟนในการถ่ายภาพนั้น สิ่งที่ทำให้เราได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือช่วยให้มีความคล่องตัว เพราะสามารถนำติดตัวไปได้ทุกที่ และสามารถถ่ายภาพได้ในทุก ๆ สถานการณ์ ส่วนกล้องดิจิตอลโดยเฉพาะกล้อง DSLR นั้น เน้นที่การทำงานได้หลากหลายแนว และ มีทางเลือกในการนำภาพไปปรับแต่งในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างยืดหยุ่นโดยใช้ไฟล์ที่เรียกว่า RAW ไฟล์ 

 

หัวใจสำคัญที่จะทำให้เราได้ภาพที่มีคุณภาพ จำนวนมาก ๆ ได้นั้น เราจะต้องรู้จักอุปกรณ์ของเราให้มากที่สุด ปุ่มไหนใช้ทำอะไร มีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง เพราะถ้าเราสามารถใช้อุปกรณ์ได้อย่างเต็มความสามารถของมัน โอกาสที่เราจะได้รูปภาพที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติมก็มีสูงขึ้น และทำให้เราสามารถส่งภาพขายได้ทันที เมื่อถ่ายรูปเสร็จ การส่งภาพที่มีคุณภาพจำนวนมากพอ ก็จะช่วยให้เรามีกำลังใจในการขายภาพออนไลน์มากขึ้น เพราะจะมีลูกค้า Download ภาพของเราเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วันนั่นเอง

 

สรุปได้ว่าไม่ว่าจะเป็นสมาร์โฟน หรือกล้องดิจิตอล ต้องศึกษารายละเอียด วิธีการตั้งค่า วิธีการใช้ฟังก์ชั่นของกล้องนั้น ๆ ให้คล่องเพื่อช่วยให้เราไม่พลาดโอกาสที่จะได้รูปภาพในทุก ๆ ครั้งที่เราถ่ายภาพ เพราะบางครั้งเราถ่ายภาพมาด้วยความมั่นใจแต่สุดท้ายมันก็เบลอทำให้เราสูญเสียภาพไปอย่างน่าเสียดาย

 

2. ควรมีสตูดิโอเล็ก ๆ อยู่ในบ้าน เพราะช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพได้แม้ฝนจะตก หรือในยามค่ำคืน การไม่มีสตูดิโออาจจะไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่มันเป็นเรื่องของการเสียโอกาส ในสตูดิโอควรมีพื้นที่กว้างพอที่เราจะวางโต๊ะขนาด 80 เซ็นติเมตร ถึง 1 เมตรได้สักตัว นอกจากนี้ก็ควรมีไฟสตูดิโอสัก 1 ชุด จะซื้อหรือจะทำเองก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณของคุณ หรือบางคนอาจจะนิยมกล่องไฟสำหรับ ถ่ายภาพสินค้า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความจริงจังในการถ่ายภาพขายออนไลน์ กล่องไฟถ่ายภาพสินค้ามักมีขนาดไม่ใหญ่นัก เอาไว้ถ่ายของเล็ก ๆ สะดวกดีมาก ๆ แต่ถ้าถ่ายของใหญ่ ๆ  แล้วถือเป็นข้อจำกัด เอาเป็นว่ามีสตูดิโอ และมีกล่องไฟถ่ายสินค้าในสตูดิโอของเราด้วยก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย

 

3. พร็อพสำหรับถ่ายภาพ ถือว่ามีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อย เพราะภาพถ่ายของเราจะดูสมบูรณ์แบบ ก็ต้องมีส่วนประกอบต่าง ๆ ในภาพให้ดูเป็นเรื่องราว เช่น ถ่ายกาแฟ 1 ถ้วย อาจมีเหยือกใส่นม กระปุกใส่ครีม กระปุกใส่น้ำตาล รวมไปจนถึงเมล็ดกาแฟ อยู่ในภาพด้วยก็จะดีไม่น้อย สำหรับผมแล้ว ร้านขายทุกอย่าง 20 บาท และร้านขายเซรามิกที่มีตำหนิหรือตกเกรด เป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากมีของให้เลือกหลากหลาย และราคาไม่แพง เหมาะจะนำมาทำเป็นพร็อพได้เป็นอย่างดี

 

4. โปรแกรมสำหรับปรับแต่งรูปภาพอย่าง Adobe Lightroom และ Adobe Photoshop สามารถเช่าใช้บริการได้เป็นรายปี แต่ชำระเงินค่าเช่าเป็นรายเดือน ในชื่อของ Adobe Creative Cloud เหตุผลที่แนะนำให้ใช้โปรแกรมชุดนี้เนื่องจากโปรแกรมมีประสิทธิภาพ มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ทำให้มีแหล่งความรู้ที่หาอ่านได้มากมาย นอกจากนี้ราคาเช่าต่อเดือนที่ 300 ต้น ๆ เป็นอะไรที่ยอมรับได้ แต่ถ้าใครยังไม่พร้อมที่จะเช่า Lightroom และ Photoshop การเลือกใช้ Opensource อย่าง Gimp ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

 

5. เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีสเปคระดับกลางไปจนถึงระดับสูง เพื่อช่วยให้การปรับแต่งรูปภาพมีความรวดเร็ว สำหรับ CPU นั้นควรเป็น CPU ที่ทำงานแบบ 4 Core และมี Ram ไม่น้อยกว่า 4 GB ถ้าได้การ์ดจอแยกด้วยก็ดี นอกจากนี้จอภาพขนาด 21.5 นิ้วขึ้นไป และเป็นจอแบบ IPS ด้วย จะช่วยให้การแต่งภาพง่ายขึ้น คร่าว ๆ ประมาณนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ สำหรับการเริ่มต้น

 

6. ศึกษาศิลปะเพิ่มเติม ซึ่งการศึกษาศิลปะนั้นจะช่วยให้เราเข้าใจในเรื่องของ แสงเงา สี และเส้น เพื่อนำไปประยุกต์ในการถ่ายภาพของเรา สิ่งที่เราต้องไม่ลืมก็คือลูกค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อภาพของเรานั้นเป็นนักสร้างงาน เพราะฉะนั้นเขาย่อมเลือกภาพถ่ายที่มันเหมาะสมกับงานของเขา ยิ่งภาพถ่ายของเรามีศิลปะอยู่ภายในน่าจะช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อภาพถ่ายของเราได้ง่ายขึ้น เรียกได้ว่าคนที่ทำงานศิลป์ ย่อมเข้าใจงานศิลป์ครับ

 

7. ทำความรู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวของกับการขายภาพออนไลน์ให้มากขึ้น อย่างน้อยก็ช่วยให้เราสามารถติดตาม หรือพูดคุยกับคนอื่นได้เข้าใจมากขึ้น เช่น Description, Keyword, Upload, FTP หรือคำว่า Server เป็นต้น Google ช่วยได้ครับ

 

8. โปรแกรมและเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น โปรแกรมสำหรับส่งไฟล์ไปยังเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพ เช่น Filezilla ช่วยให้การส่งไฟล์จำนวนมากง่ายขึ้น, โปรแกรมสำหรับบริหารจัดการรูปภาพ เช่น Xnview เป็นต้น โปรแกรมประเภทนี้ใช้สำหรับดูไฟล์ภาพจำนวนมากได้สะดวก สามารถลดขนาดไฟล์ภาพได้อย่างรวดเร็ว มีขนาดเล็ก ทำงานรวดเร็วไม่อืดอาดถึงแม้สเปคเครื่องคอมพิวเตอร์จะไม่สูงมากนัก

 

9. อุปกรณ์ หรือเว็บไซต์สำหรับสำรองข้อมูลของเรา เพราะถ้าเราเก็บภาพถ่ายทั้งหมดเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงแห่งเดียวหากเกิดปัญหาขึ้นมาภาพถ่ายของเราหายหมดมันคงเป็นเรื่องเศร้าไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดควรมี Flash Drive ความจุ 32 GB เอาไว้สำรองข้อมูลก็ยังดี จริง ๆ ถ้ามีงบประมาณจะมีติดเอาไว้หลาย ๆ ตัวก็ได้นะครับเพราะเดี๋ยวนี้ราคาไม่แพงเลย

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งต่าง ๆ ที่เราควรมีเอาไว้ หากต้องการขายภาพออนไลน์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขในการสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพใด ๆ เป็นเพียงสิ่งที่เราต้องลงทุน ลงแรง เพื่อเข้าสู่ธุรกิจขายภาพออนไลน์เท่านั้น ท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับทุกท่านนะครับ หากเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ สามารถแชร์โพสใน Fanpage Stockphoto Knowledge ได้เลยครับ อย่างน้อยก็เป็นการช่วยกันสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้ครับ

 

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการขายภาพออนไลน์เพิ่มได้โดย คลิกที่นี่ เป็นบล็อกที่ผมเขียนเอาไว้ให้อ่านเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้คุณมีแนวทางในการขายภาพออนไลน์เพิ่มมากขึ้น