ทำความรู้จัก Adobe ID ให้มากขึ้น

stock photo 048

 

พัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ในอดีตนั้นหากต้องการใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ จะเป็นในลักษณะของการซื้อแผ่นมาติดตั้ง และกรอกหมายเลขเพื่อติดตั้งซอฟต์แวร์ หากมีการ Update เวอร์ชั่นก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม การซื้อซอฟต์แวร์ในลักษณะนี้จะมีราคาค่อนข้างสูง

 

เมื่ออินเตอร์เน็ตมีความเร็วเพิ่มมากขึ้น รูปแบบของการจำหน่ายซอฟต์แวร์จึงเปลี่ยนแปลงไป เป็นในลักษณะของการเช่าใช้ที่เรียกกันว่า Subscription หรือการสมัครสมาชิก เมื่อสมัครสมาชิกเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถ Download โปรแกรมติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทันที ในการชำระเงินนั้นส่วนใหญ่ก็จะชำระผ่านบัตรเครดิต

 

สำหรับคนขายภาพออนไลน์ (Contributor) จะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วกับโปรแกรมแต่งภาพยอดนิยมของ Adobe ที่มีชื่อว่า Photoshop แน่นอนว่าหากเราต้องการใช้งานเราจะต้องสมัครสมาชิก ซึ่งเราต้องสร้างบัญชีผู้ใช้ขึ้นมา (Account) ข้อมูลที่กรอกในแบบฟอร์มการสมัครสมาชิกที่สำคัญที่สุดก็คือ Email ซึ่งทาง Adobe ได้กำหนดให้ใช้ Email เป็นในลักษณะของการเชื่อโยง ID ที่เรียกกันว่า Adobe ID ทุกครั้งที่เข้าสู่ระบบเพื่อบริหารจัดการบัญชีจะต้องใช้ Email ที่เราสมัครสมาชิก และรหัสผ่านที่เราตั้ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ Email ซึ่งเราจะละเลยไม่ให้ความสำคัญไม่ได้เป็นอันขาด

 

Adobe ID ใช้ทำอะไรได้บ้าง

เมื่อเราสมัครสมาชิก (Subscription) และมี Adobe ID เป็นของตนเองเรียบร้อยแล้ว เราสามารถนำ Adobe ID ไปใช้ในลักษณะต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้

 

1.  เลือก Plan สำหรับใช้งานโปรแกรมของ Adobe แน่นอนว่าหากเรายังไม่เลือก Plan สำหรับการใช้งานซึ่งเป็น Plan ที่ต้องชำระเงิน Plan เริ่มต้นจะเป็น Creative Cloud Free Membership สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมเพื่อมาทดลองใช้งานได้ในระยะเวลาหนึ่ง เมื่อใช้แล้วรู้สึกว่าชอบใจก็สามารถเลือกสมัครตาม Plan ที่ท่าง Adobe เตรียมเอาไว้ให้ได้

 

2.  เมื่อเราเลือก Plan โดยที่เราชำระเงิน สามารถใช้บริการต่าง ๆ ที่ Adobe เตียมเอาไว้ให้ใน Plan นั้น ๆ ได้ เช่น Photography plan ซึ่งเป็น Plan ยอดฮิตสำหรับคนขายภาพออนไลน์ โดยเมื่อสมัคร Plan นี้ สิ่งที่เราจะได้รับได้แก่ 

  • Lightroom on desktop (สำหรับคอมพิวเตอร์) and mobile (สำหรับมือถือ)
  • Lightroom Classic (สำหรับคอมพิวเตอร์)
  • Photoshop on desktop (สำหรับคอมพิวเตอร์) and iPad
  • 20GB of cloud storage (พื้นที่เก็บข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตของ Adobe)

 

3.  ใช้ Adobe ID เข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น (Application) บนมือถือ ซึ่งปัจจุบัน Adobe พัฒนาแอพพลิเคชั่นบมือถือ หลายแอพพลิเคชั่นดังนี้

ขอยกตัวอย่างแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องการปรับแต่งภาพ เอาไว้เพียงแค่นี้นะครับ หากต้องการค้นหาแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ สามารถพิมพ์คำว่า Adobe ในช่องค้นหาของ Google Play ได้เลย หรือหากเป็นทางฝั่งของ Apple ก็จะเป็น App Store

 

4.  เมื่อเราต้องการเปลี่ยนแปลง Plan เช่น เมื่อเราได้รับโบนัสจากการส่งภาพไปยัง Adobe Stock ตามเงื่อนไขที่ Adobe Stock กำหนด เราจะต้องเข้าไปติดต่อกับ Support ผ่านทาง Adobe ID ของเรา ซึ่งจะสามารถสนทนาผ่านแชทได้อย่างรวดเร็ว

 

5.  ขายภาพออนไลน์กับ Adobe Stock เมื่อเรามี Adobe ID แล้วสามารถส่งภาพถ่ายดิจิตอล หรือภาพวาด Vector หรือวีดีโอ ขึ้นไปวางขายบนเว็บไซต์ตัวแทนขายภาพของ Adobe ที่มีชื่อว่า Adobe Stock ได้ทันที

 

เมื่อได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็หวังว่าคุณจะรู้จัก และเข้าใจ Adobe ID ได้มากขึ้นนะครับ และเพื่อให้บทความนี้ไม่ยาวจนเกินไป จะได้นำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Adobe มาเขียนเพิ่มเติมในบทความต่อไปครับ